ถึงจะไม่ใช่คนชอบอ่านนิยาย
แต่คงไม่มีใครไม่รู้จักนวนิยายเรื่อง’คู่กรรม’ใช่ไหมคะ ก็แหม... ทั้งหนัง ทั้งละคร ทั้งละครเวที นำมาทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แถมยังเป็นนวนิยายไม่กี่เล่มของไทยที่จบแบบโศกนาฏกรรมแล้วได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเสียด้วย
อันที่จริงมีคนเขียนบทความเกี่ยวกับคู่กรรมไว้ค่อนข้างมาก
ซึ่งแต่ละคนก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป
พอดีวันนี้เอมีโอกาสได้ออกไปพูดในวิชาวรรณกรรมไทยร่วมสมัยเกี่ยวกับวรรณกรรมที่อ่านแล้วเปลี่ยนความคิดของตัวเอง
วรรณกรรมที่เอเลือกคือเรื่องคู่กรรมค่ะ เลยอยากจะมาแชร์ความคิดเห็นของเอเกี่ยวกับคู่กรรมให้ทุกคนได้อ่านกัน
(ภาพจาก http://th.wikipedia.org/wiki/คู่กรรม)
นวนิยายเรื่องคู่กรรมเป็นผลงานของคุณทมยันตีหรือคุณหญิงวิมล
ศิริไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (นวนิยาย) พ.ศ. 2555 เป็นเรื่องราวความรักของอังศุมาลิน
หญิงสาวชาวไทย และ โกโบริ ทหารญี่ปุ่น ที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
โดยคุณทมยันตีได้รับแรงบันดาลใจมาจากการไปเยี่ยมชมสุสานทหารที่จังหวัดกาญจนบุรี
และเริ่มแต่งนวนิยายเรื่องนี้เมื่อปี 2508
อย่างที่บอกไปแล้วว่านวนิยายเรื่องนี้จบแบบโศกนาฏกรรม ซึ่งแต่ก่อนเอก็ไม่ชอบนวนิยายที่จบแบบนี้นะคะ
อ่านแล้วมันรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก แต่คู่กรรมก็ทำให้เอเปลี่ยนความคิดและบอกกับตัวเองว่า
นวนิยายที่พระเอกตายตอนจบนี่อ่านแล้วก็ได้มุมมองใหม่ๆเหมือนกัน
คู่กรรมเวอร์ชั่นต่างๆ
คู่กรรมเป็นนวนิยายที่ให้อะไรกับคนอ่านมากเลยนะคะ
เอก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องการวิจารณ์วรรณกรรมถึงขนาดที่จะบอกได้ละเอียดมากนัก
แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดจากนวนิยายเรื่องนี้เลยคือสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในช่วงสงครามโลกครั้งที่
2 ผลของสงครามทำให้ผู้คนประสบความยากลำบาก
ข้าวยากหมากแพง หยูกยาหายาก จะไปไหนมาไหนก็ต้องคอยระมัดระวังตัวเองตลอดเวลา
นอกจากนี้คู่กรรมยังสะท้อนให้เห็นถึงการใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องมือทางการเมือง
ตอนที่อังศุมาลินแต่งงานกับโกโบริก็เป็นเพราะเหตุผลทางการเมือง ที่ทางไทยและญี่ปุ่นต้องการใช้การแต่งงานของทั้งคู่เป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ
ซึ่งการใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องมือทางการเมืองก็พบได้บ่อยครั้งในประวัติศาสตร์ไทย
ละครคู่กรรมปี
2556
สำหรับสิ่งที่เอได้จากการอ่านคู่กรรมคือ การเห็นความสำคัญของคนที่เรารัก
เมื่อเขายังอยู่กับเรา เราก็ควรทำดีกับเขาให้มากๆ ก่อนที่เราจะไม่มีโอกาสได้ทำ เหมืองอังศุมาลินที่ไม่ยอมละทิฐิของตนเอง
เอาแต่คิดว่าโกโบริเป็นคนญี่ปุ่นซึ่งชาติที่เข้ามาทำให้บ้านเมืองเดือดร้อน และยกเรื่องสัญญาที่ให้กับวนัสมากดทับความรู้สึกของตัวเอง
เมื่อคิดได้ว่าแท้จริงแล้วรู้สึกยังไงกับโกโบริก็สายไปเสียแล้ว
ละครคู่กรรมปี 2556
เอว่าถ้าเราอยากจะทำอะไรสักอย่างแล้วไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็ทำเถอะค่ะ
ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำ เพราะโอกาสก็ไม่ได้มาหาเราบ่อยๆ
และเราก็ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง
ละครคู่กรรมปี 2556
(ภาพจาก http://www.dodeden.com/5505.html)
อีกอย่างที่เอได้จากคู่กรรมคือเรื่องของการใช้ชีวิตค่ะ
ในเรื่องจะเห็นได้ว่าครอบครัวของอังศุมาลินอยู่กันแค่ผู้หญิงสามคน
แต่ก็สามารถอยู่กันได้อย่างมีความสุข
เมื่อก่อนเอเคยคิดนะคะว่ายังไงซะผู้หญิงก็ต้องมีผู้ชายคอยมาปกป้อง
แต่หลังจากอ่านเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกว่า จริงๆผู้หญิงเราก็สามารถเลี้ยงตัวเองได้เหมือนกัน
(มีแฟนก็ดีค่ะ แต่ไม่มีก็อยู่ได้ :))
และถึงแม้ว่าคู่กรรมจะจบลงด้วยความสูญเสีย
แต่ก็เป็นความเศร้าที่อิ่มอกอิ่มใจ เพราะตัวเรื่องที่สนุกครบรสและสอดแทรกข้อคิดมากมาย
บวกกับภาษาสวยๆของคุณทมยันตีทำให้นวนิยายเรื่องนี้กลมกล่อมมากขึ้น ถ้าใครที่เคยดูหนัง
ละคร หรือละครเวทีแล้วแต่ยังไม่เคยอ่านตัวบทประพันธ์ แนะนำให้ลองอ่านกันดูค่ะ
นวนิยายเรื่องนี้อาจจะกลายเป็นนวนิยายในดวงใจของคุณก็ได้นะคะ
ทิ้งท้ายกันด้วยคำพูดที่อังศุมาลินได้บอกกับโกโบริก่อนที่เขาจะสิ้นใจ....
ทิ้งท้ายกันด้วยคำพูดที่อังศุมาลินได้บอกกับโกโบริก่อนที่เขาจะสิ้นใจ....
“อนาตะ
โอ อาอิชิ มาสุ ฉันรักคุณค่ะ อย่าถามนะคะว่ามันมากแค่ไหน
คุณเป็นคนได้มันไปเป็นคนแรก และคนสุดท้าย” - อังศุมาลิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น